9 ทรงมีดต่างๆ ที่ควรมีติดครัว

ทรงมีดต่างๆ ที่ควรมีติดครัว

มีดทรงต่างๆ หมายถึง มีดทำครัวประเภทต่างๆ ที่ใช้ในการทำอาหาร มีดเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับพ่อครัวและแม่ครัว ช่วยเตรียมวัตถุดิบได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

หลายๆ คนอาจยังไม่ทราบว่ามีดทำครัวมีหลายแบบ เพราะอาจจะคิดว่าเป็นมีดเหมือนกัน เลยไม่ได้สั่งเกตุ แต่แท้ที่จริงแล้วมีดทำครัว ถูกแบ่งตามรูปทรง ซึ่งมีทั้งหมด 9 แบบ ด้วยกัน บทความนี้จะมาแนะนำ มีดทำครัวทรงต่างๆ ไปดูกันได้เลยครับ

1. มีดเชฟ (Chef’s Knife)

มีดเชฟ

มีดเชฟ (Chef’s Knife) เป็นหนึ่งในมีดที่สำคัญและพื้นฐานในครัว เป็นมีดที่ใช้ในงานตัดและเตรียมอาหารหลากหลาย ด้ามของมีดเชฟมีความยาวปานกลางถึงยาว เพื่อให้มีความสมดุลและความสะดวกในการใช้งาน มีดเชฟมักมีขนาดใบมีดอยู่ระหว่าง 6 ถึง 12 นิ้ว (ประมาณ 15-30 เซนติเมตร)
ลักษณะของมีดเชฟประกอบด้วย
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดเชฟมีความคล้ายคลึงกับส่วนหลักของมีด เป็นใบมีดที่แหลมและมีลักษณะคล้ายเป็นคลื่นเล็ก ๆ ที่ส่วนแห่งบนของใบมีด เค้าโครงของใบมีดเชฟจะทำให้สามารถใช้งานตัดและสับได้หลากหลายรูปแบบ
  2. ด้าม (Handle) ด้ามของมีดเชฟมักออกแบบมาเพื่อให้สามารถกระชับมือได้อย่างมีสมดุล บางครั้งอาจมีด้ามที่กว้างขึ้นเพื่อให้มีการควบคุมที่ดีในการตัดและสับ
มีดเชฟเป็นมีดที่หลายกุญแจนำมาแนะนำให้มีในครัว เนื่องจากสามารถใช้งานในงานต่าง ๆ ได้ทั้งการตัดผัก สับเนื้อ ตัดปลา และงานอื่น ๆ ที่ใช้ความคล่องตัวและความต่อเนื่องในการตัด. นอกจากนี้มีดเชฟยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับเชฟมืออาชีพที่ทำงานในครัวร้านอาหารและภัตตาคารต่าง ๆ ด้วยความสามารถในการประมวลผลอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ

2. มีดปอก (Paring Knife)

มีดปอก

มีดปอก (Paring Knife) เป็นมีดที่มีขนาดเล็กและเป็นที่นิยมใช้ในการทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในครัว เป็นมีดที่ใช้สำหรับงานต่าง ๆ เช่น การตัดผลไม้ เช่น แอปเปิ้ลหรือสตรอเบอร์รี่ การตัดเครื่องปรุง เช่น กระเทียม หรืองานที่ต้องการความละเอียดและความแม่นยำ เช่น การปอกเนื้อสัตว์
ลักษณะของมีดปอกประกอบด้วย
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดปอกมีความยาวประมาณ 2 ถึง 4 นิ้ว (ประมาณ 5-10 เซนติเมตร) เป็นใบมีดที่แบบงานเล็ก ๆ และบางครั้งมีลักษณะบางและแหลมเล็กน้อย
  2. ด้าม (Handle) ด้ามของมีดปอกมักออกแบบให้มีความสบายในการถือและใช้งานในงานเล็ก ๆ น้อย ๆ
มีดปอกมีบทบาทสำคัญในครัว เนื่องจากมีความคล่องตัวและมีขนาดที่เล็กมาก ทำให้สามารถใช้งานในการเตรียมอาหารรายละเอียดและงานต่าง ๆ ได้หลากหลาย นอกจากการตัดผลไม้และเครื่องปรุง มีดปอกยังเหมาะสำหรับงานเปิดหรือทำแผนที่เนื้อผลไม้เพื่อการตัดแบบสวยงามและคล่องตัว
มีดปอกเป็นส่วนหนึ่งของชุดมีดทำครัวที่สำคัญและเหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหารเองในครัว

3. มีดแล่เนื้อ (Carving Knife)

มีดแล่เนื้อ

มีดแล่เนื้อ (Carving Knife) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่องานตัดเนื้อหรืออาหารประเภทเนื้อ เช่น เนื้อวัว หมู เป็ดย่าง หรือไก่ย่าง เป็นมีดที่มีลักษณะคล้ายมีดสเต็กแต่มีความยาวใบมีดนานขึ้นเพื่อให้สามารถทำงานตัดเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพและความแม่นยำ.
ลักษณะของมีดแล่เนื้อประกอบด้วย:
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดแล่เนื้อมักมีความยาวประมาณ 8 ถึง 14 นิ้ว (ประมาณ 20-35 เซนติเมตร) และมีขอบตัดที่คลื่นเล็กน้อย ทำให้สามารถตัดเนื้อหรืออาหารประเภทเนื้อได้อย่างง่ายและสวยงาม
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดแล่เนื้อมักออกแบบให้มีความสมดุลและความสะดวกในการใช้งานเพื่อให้มีความแม่นยำในการตัดเนื้อ
มีดแล่เนื้อเป็นเครื่องมือที่สำคัญในงานส่วนใหญ่ เมื่อต้องการตัดและเสิร์ฟเนื้อที่เสิร์ฟในเมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร การออกแบบของมีดแล่เนื้อทำให้งานตัดเนื้อเป็นเรื่องง่ายและสวยงาม เป็นที่นิยมในงานอาหารที่ต้องการการเสิร์ฟอาหารเนื้อแบบสุกจนกรอบ

4. มีดอเนกประสงค์ (Utility Knife)

มีดอเนกประสงค์

มีดอเนกประสงค์ (Utility Knife) เป็นมีดที่มีการออกแบบมาเพื่อใช้งานหลากหลายในครัว เป็นมีดที่หน้าที่หลักคือการตัดเนื้อขนาดเล็ก ๆ หรืองานที่ต้องการความแม่นยำเพิ่มเติม โดยมีความคล้ายคลึงกับมีดเชฟแต่ขนาดเล็กกว่า
ลักษณะของมีดอเนกประสงค์ประกอบด้วย
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดอเนกประสงค์มักมีความยาวประมาณ 4 ถึง 7 นิ้ว (ประมาณ 10-18 เซนติเมตร) และมีขอบตัดที่เล็กน้อย เป็นใบมีดที่ทั้งคมและคล้ายเป็นคลื่นเล็ก ๆ
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดอเนกประสงค์มักออกแบบให้สะดวกและมีความสมดุลในการใช้งาน เพื่อให้สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างมีความสะดวก
มีดอเนกประสงค์เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้งานในงานตัดเนื้อขนาดเล็ก ๆ เช่น เนื้อปลาหรือเนื้อไก่ เป็นมีดที่สามารถเป็นประโยชน์ในงานเตรียมอาหารและการทำงานในครัวให้มีความแม่นยำเพิ่มเติม. นอกจากงานตัดเนื้อแล้ว มีดอเนกประสงค์ยังเหมาะสำหรับงานอื่น ๆ เช่น การตัดผักเล็ก ๆ หรือเครื่องปรุง. ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในครัวที่หลายคนนิยมใช้

5. มีดหั่นขนมปัง (Bread Knife)

มีดหั่นขนมปัง

มีดหั่นขนมปัง (Bread Knife) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่องานตัดขนมปัง หรืออาหารที่มีพื้นผิวแข็งหรือเกรียม เช่น ขนมปัง ขนมปังกรอบ หรือขนมปังที่มีเนื้อในแบบหยาบ ๆ เป็นเครื่องมือที่สำคัญในครัวเนื่องจากสามารถทำให้กรอบที่ผิวของขนมปังรวมถึงการตัดเนื้อและกรอบที่เป็นตัวในอย่างมีความแม่นยำ
ลักษณะของมีดหั่นขนมปังประกอบด้วย
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดหั่นขนมปังมักมีความยาวประมาณ 8 ถึง 10 นิ้ว (ประมาณ 20-25 เซนติเมตร) และมีใบมีดที่คมและหยัก คล้ายคลึงกับมีดสเต็ก
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดหั่นขนมปังมักออกแบบให้สามารถถือและใช้งานได้อย่างสะดวก สามารถสัมผัสได้ดีเมื่อต้องกดให้มีแรงในการตัดขนมปัง
มีดหั่นขนมปังเป็นเครื่องมือที่สำคัญเมื่อต้องการทำให้กรอบของผิวขนมปังและความนุ่มภายในเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ สามารถใช้งานได้กับขนมปังที่มีผิวแข็งหรือมีความหยาบในการเหล่ากลับ นอกจากการตัดขนมปังแล้ว มีดหั่นขนมปังยังสามารถใช้งานกับอาหารอื่น ๆ ที่มีพื้นผิวแข็ง เช่น ซีพูดา หรือผลไม้กลางแขนเล็ก ๆ ได้ด้วย

6. มีดเลาะกระดูก (Boning Knife)

มีดเลาะกระดูก

มีดเลาะกระดูก (Boning Knife) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในการเลอะเนื้อและกระดูกออกจากเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อปลา ไก่ หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ที่มีกระดูก มีดเลาะกระดูกมักมีความยาวบางส่วนและลดตัวลงเพื่อให้มีความคล่องตัวและแม่นยำในการเลอะเนื้อ.
ลักษณะของมีดเลาะกระดูกประกอบด้วย
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดเลาะกระดูกมีความยาวประมาณ 5 ถึง 7 นิ้ว (ประมาณ 13-18 เซนติเมตร) และมีขอบตัดที่แหลมและบาง เพื่อให้สามารถเลอะเนื้อและตัดผ่านกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดเลาะกระดูกมักออกแบบให้มีความสมดุลและความสะดวกในการใช้งานเพื่อให้มีความแม่นยำในการเลอะเนื้อ
มีดเลาะกระดูกเป็นเครื่องมือสำคัญในงานเตรียมเนื้อและปรุงอาหาร ทำให้งานการเลอะเนื้อและตัดผ่านกระดูกเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพ นอกจากงานตัดเนื้อและกระดูก มีดเลาะกระดูกยังเหมาะสำหรับงานอื่น ๆ เช่น การเตรียมส่วนต่าง ๆ ของเนื้อสัตว์ เพื่อการทำอาหาร หรือสำหรับช่างเล้าทำงานในร้านเนื้อสัตว์ นักศึกษาเนื้อสัตว์ หรือช่างเล้าเบ็ดเสร็จ
7. มีดสับ (Cleaver Knife)

มีดสับ

มีดสับ (Cleaver Knife) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่องานตัดและสับเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่มีความเข็งแข็ง หรือกระดูก มีดสับมักมีใบมีดที่หนาและขอบที่แข็งแรงเพื่อให้สามารถทำงานในงานที่ต้องใช้แรงมากได้
ลักษณะของมีดสับประกอบด้วย:
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดสับมีความยาวประมาณ 6 ถึง 12 นิ้ว (ประมาณ 15-30 เซนติเมตร) และมีลักษณะหนาและแข็งแรง เป็นใบมีดที่สามารถใช้ในการตัดเนื้อสัตว์ กระดูก หรืออาหารที่มีความแข็งได้
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดสับออกแบบให้มีความแข็งแรงและสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ เพื่อให้สามารถใช้งานในงานที่ต้องใช้ความแรงมากได้อย่างเหมาะสม
มีดสับเป็นเครื่องมือที่สำคัญในงานตัดและแตกเนื้อสัตว์หรืออาหารที่มีโครงสร้างหนักหรือกระดูก เช่น การแตกเนื้อหมูย่าง การตัดเนื้อไก่ หรือกระบะกระดูก เป็นมีดที่ช่วยในงานเตรียมอาหารและการปรุงอาหารให้มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพ นอกจากงานแตกเนื้อและตัดเนื้อสัตว์แล้ว มีดสับยังเหมาะสำหรับงานอื่น ๆ เช่น การตัดผักขนาดใหญ่ หรือการทำส่วนต่าง ๆ ของเนื้อสัตว์เพื่อการปรุงอาหาร
7. มีดสับ (Cleaver Knife)

มีดสับ

มีดสับ (Cleaver Knife) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่องานตัดและสับเนื้อสัตว์ หรืออาหารที่มีความเข็งแข็ง หรือกระดูก มีดสับมักมีใบมีดที่หนาและขอบที่แข็งแรงเพื่อให้สามารถทำงานในงานที่ต้องใช้แรงมากได้
ลักษณะของมีดสับประกอบด้วย:
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดสับมีความยาวประมาณ 6 ถึง 12 นิ้ว (ประมาณ 15-30 เซนติเมตร) และมีลักษณะหนาและแข็งแรง เป็นใบมีดที่สามารถใช้ในการตัดเนื้อสัตว์ กระดูก หรืออาหารที่มีความแข็งได้
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดสับออกแบบให้มีความแข็งแรงและสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ เพื่อให้สามารถใช้งานในงานที่ต้องใช้ความแรงมากได้อย่างเหมาะสม
มีดสับเป็นเครื่องมือที่สำคัญในงานตัดและแตกเนื้อสัตว์หรืออาหารที่มีโครงสร้างหนักหรือกระดูก เช่น การแตกเนื้อหมูย่าง การตัดเนื้อไก่ หรือกระบะกระดูก เป็นมีดที่ช่วยในงานเตรียมอาหารและการปรุงอาหารให้มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพ นอกจากงานแตกเนื้อและตัดเนื้อสัตว์แล้ว มีดสับยังเหมาะสำหรับงานอื่น ๆ เช่น การตัดผักขนาดใหญ่ หรือการทำส่วนต่าง ๆ ของเนื้อสัตว์เพื่อการปรุงอาหาร

8. มีดหั่นผัก (Vegetable Knife)

มีดหั่นผัก

มีดหั่นผัก (Vegetable Knife) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่องานตัดและเตรียมผัก เป็นมีดที่มีใบมีดที่บางและแบบงานเพื่อให้สามารถทำงานตัดและเตรียมผักได้อย่างมีความสะดวกและแม่นยำ
ลักษณะของมีดหั่นผักประกอบด้วย
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดหั่นผักมักมีความยาวประมาณ 5 ถึง 7 นิ้ว (ประมาณ 13-18 เซนติเมตร) และมีความบางเพื่อให้สามารถตัดผักได้อย่างง่ายและเชื่อถือได้ ใบมีดอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกับมีดหั่นทั่วไปแต่บางรุ่นอาจมีความคล้ายคลึงมีดเชฟขนาดเล็ก และบางรุ่นอาจมีรอยเว้าบนใบมีดช่วยให้อากาศผ่านเข้าขณะตัดหรือหั่น อาหารที่หั่นจึงไม่ติดอยู่บนใบมีด
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดหั่นผักออกแบบให้มีความสะดวกในการถือและใช้งานเพื่อให้มีความแม่นยำในการตัดและเตรียมผัก
มีดหั่นผักเป็นเครื่องมือสำคัญในการเตรียมผักและทำงานในครัว ทำให้การตัดและเตรียมผักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสวยงาม นอกจากงานตัดและเตรียมผักแล้ว มีดหั่นผักยังเหมาะสำหรับงานอื่น ๆ เช่น การตัดผักสำหรับสลัด หรือการทำส่วนต่าง ๆ ของผักเพื่อการปรุงอาหาร

9. มีดแล่ปลา (Filleting knife)

มีดแล่ปลา

มีดแล่ปลา (Filleting Knife) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่องานเลอะเนื้อและตัดเนื้อปลาอย่างมีความแม่นยำ มีดแล่ปลามักมีใบมีดที่ยาวและบาง เพื่อให้สามารถทำงานเลอะเนื้อปลาได้อย่างแม่นยำ โดยคงความนุ่มของเนื้อและลดการสูญเสียเนื้อมากที่สุด
ลักษณะของมีดแล่ปลาประกอบด้วย
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดแล่ปลามักมีความยาวประมาณ 6 ถึง 11 นิ้ว (ประมาณ 15-28 เซนติเมตร) และมีความบางเพื่อให้สามารถเลอะเนื้อปลาได้อย่างแม่นยำ ใบมีดมักมีความคล้ายคลึงมีดเลาะแต่บางรุ่นอาจมีความยาวบางส่วนและเหนียวกว่า
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดแล่ปลามักออกแบบให้มีความสะดวกในการถือและใช้งานเพื่อให้มีความแม่นยำในการเลอะเนื้อ
มีดแล่ปลาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเตรียมและปรุงอาหารปลา ทำให้งานเลอะเนื้อและตัดเนื้อปลาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและความแม่นยำ นอกจากงานตัดและเลอะเนื้อปลาแล้ว มีดแล่ปลายังเหมาะสำหรับงานอื่น ๆ เช่น การเตรียมส่วนต่าง ๆ ของปลา เพื่อการปรุงอาหาร หรือสำหรับช่างตัดปลาในร้านอาหารหรือตลาดปลา

8. มีดหั่นผัก (Vegetable Knife)

มีดหั่นผัก

มีดหั่นผัก (Vegetable Knife) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่องานตัดและเตรียมผัก เป็นมีดที่มีใบมีดที่บางและแบบงานเพื่อให้สามารถทำงานตัดและเตรียมผักได้อย่างมีความสะดวกและแม่นยำ
ลักษณะของมีดหั่นผักประกอบด้วย
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดหั่นผักมักมีความยาวประมาณ 5 ถึง 7 นิ้ว (ประมาณ 13-18 เซนติเมตร) และมีความบางเพื่อให้สามารถตัดผักได้อย่างง่ายและเชื่อถือได้ ใบมีดอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกับมีดหั่นทั่วไปแต่บางรุ่นอาจมีความคล้ายคลึงมีดเชฟขนาดเล็ก และบางรุ่นอาจมีรอยเว้าบนใบมีดช่วยให้อากาศผ่านเข้าขณะตัดหรือหั่น อาหารที่หั่นจึงไม่ติดอยู่บนใบมีด
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดหั่นผักออกแบบให้มีความสะดวกในการถือและใช้งานเพื่อให้มีความแม่นยำในการตัดและเตรียมผัก
มีดหั่นผักเป็นเครื่องมือสำคัญในการเตรียมผักและทำงานในครัว ทำให้การตัดและเตรียมผักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสวยงาม นอกจากงานตัดและเตรียมผักแล้ว มีดหั่นผักยังเหมาะสำหรับงานอื่น ๆ เช่น การตัดผักสำหรับสลัด หรือการทำส่วนต่าง ๆ ของผักเพื่อการปรุงอาหาร

9. มีดแล่ปลา (Filleting knife)

มีดแล่ปลา

มีดแล่ปลา (Filleting Knife) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่องานเลอะเนื้อและตัดเนื้อปลาอย่างมีความแม่นยำ มีดแล่ปลามักมีใบมีดที่ยาวและบาง เพื่อให้สามารถทำงานเลอะเนื้อปลาได้อย่างแม่นยำ โดยคงความนุ่มของเนื้อและลดการสูญเสียเนื้อมากที่สุด
ลักษณะของมีดแล่ปลาประกอบด้วย
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดแล่ปลามักมีความยาวประมาณ 6 ถึง 11 นิ้ว (ประมาณ 15-28 เซนติเมตร) และมีความบางเพื่อให้สามารถเลอะเนื้อปลาได้อย่างแม่นยำ ใบมีดมักมีความคล้ายคลึงมีดเลาะแต่บางรุ่นอาจมีความยาวบางส่วนและเหนียวกว่า
  2. ด้าม (Handle) ด้ามมีดแล่ปลามักออกแบบให้มีความสะดวกในการถือและใช้งานเพื่อให้มีความแม่นยำในการเลอะเนื้อ
มีดแล่ปลาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเตรียมและปรุงอาหารปลา ทำให้งานเลอะเนื้อและตัดเนื้อปลาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและความแม่นยำ นอกจากงานตัดและเลอะเนื้อปลาแล้ว มีดแล่ปลายังเหมาะสำหรับงานอื่น ๆ เช่น การเตรียมส่วนต่าง ๆ ของปลา เพื่อการปรุงอาหาร หรือสำหรับช่างตัดปลาในร้านอาหารหรือตลาดปลา

ส่วนประกอบของมีด

มีดประกอบด้วยส่วนประกอบหลายอย่างที่มีหน้าที่แตกต่างกันเพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพ ส่วนประกอบสำคัญของมีดมีดังนี้
ส่วนประกอบของมีด
  1. ใบมีด (Blade) ใบมีดเป็นส่วนที่คมและทำงานในการตัดและเลอะอาหาร ใบมีดอาจมีรูปร่างและขนาดต่าง ๆ ที่เหมาะกับงานที่ต้องการ ตัดผัก หั่นเนื้อ หรือตัดอาหารอื่น ๆ
  2. คอมีด (Bolster) เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างใบมีดและด้าม เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการใช้งาน
  3. หมุดย้ำ (Rivet) เป็นส่วนที่ใช้ในการรัดหรือยึดให้แน่นระหว่างใบมีดและด้าม เพื่อให้มีความมั่นคงในการใช้งาน
  4. ส้นมีด (Heel) เป็นส่วนหลังสุดของด้ามจับมีด มักจะทำเป็นขอเกี่ยว เพื่อเอาแขวนเก็บมีด
  5. หาง (Tang) หางเป็นส่วนต่อขยายของใบมีดที่ยึดเข้ากับด้ามจับ ยาวไปในด้ามจับเพียงบางส่วน หรืออาจะยาวไปจนสุดด้ามจับ เป็นส่วนที่ช่วยให้มีดมีความแข็งแรงมากขึ้น
  6. สันมีด (Spine) เป็นส่วนขอบบนด้านหนาและไม่มีคมยาวไปถึงด้ามจับ หรือคอมีด ยิ่งสันมีดมีความหนามากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้มีดใช้งานหนักมากดีมากขึ้น
  7. ปลอกด้าม (Handle Scales) ปลอกด้ามเป็นส่วนที่เอาไว้จับมีดระหว่างการใช้งาน ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการถือและใช้งาน
  8. ขอบมีด หรือ คมมีด (Edge) คมของใบมีดคือส่วนที่ใช้ตัดสิ่งต่างๆ
    โดยปกติแล้ว นี่คือส่วนที่คมที่สุดของใบมีด และทำหน้าที่ส่วนใหญ่ในการตัด

    เมื่อมีการใช้มีดไปสักระยะ คมมีดจะเกิดความทื่อ ทำให้ประสิทธิภาพในการตัดลดลง จึงต้องมีการลับมีด เพื่อให้มีมีความคมอยู่เสมอ การลับมีดให้คมใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าหินลับมีด

หากคุณสนใจหินลับมีด เราขอแนะนำบทความ
>> 10 หินลับมีดอย่างดี ลับคม แข็งแรง ทนทาน <<

  1. ปลายมีด (Point) ส่วนสุดของมีด ซึ่งมีหลายแบบตามชนิดหรือประเภทของมี เช่น ปลายแหลม ปลายตัด ปลายโค้งมน
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนประกอบหลักของมีดทำครัว ซึ่งแต่ละส่วนมีบทบาทและความสำคัญในการทำงานที่แตกต่างกัน เพื่อให้มีการตัดและเตรียมอาหารที่มีความแม่นยำและประสิทธิภาพในครัว

สรุป

มีดทำครัวเป็นเครื่องมือสำคัญในการเตรียมและปรุงอาหารในครัว มีดทำครัวมีหลายรูปแบบและขนาดต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานต่าง ๆ ในกระบวนการทำอาหาร นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับมีดทำครัว เมื่อเรารู้จักมีดทรงต่างๆ จะทำให้เราสามารถเลือกใช้งานมีดได้ตรงกับขั้นตอนและประเภทอาหารที่ทำ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก

shopee.co.th

foodfirefriends.com